หลวงพ่อรุ่ง ฆํคสุวณฺโณ วัดหนองสีนวล อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์
.วัดหนองสีนวล อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ เป็นวัดดั้งเดิมที่เกี่ยวข้อง กับกองบิน ๔ มากที่สุด อยู่ห่างจากพื้นที่กองบิน ๔ ไม่ถึง๑ ก.ม. โดยอยู่ ทิศเหนือของ กองบิน ๔ ( หลังกองบิน ๔ ) ซึ่งวัดนี้หลวงพ่อรุ่งเป็นผู้นำ นำสร้าง และเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก หลวงพ่อรุ่ง ฆํคสุวณฺโณ เกิดเมื่อวันพุธที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ.๒๔๑๒ ที่บ้านหัวหวาย อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ โดยบิดาชื่อ แป้น แป้นโต โยมมารดาชื่อ พุ่ม แป้นโต อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดมะปราง เหลือง อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ โดยมีหลวงพ่อปั้น วัดหัวถนน เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อเงิน วัดมะปรางเมือง เป็นกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อเทศ วัดสระทะเล เป็นอนุสาวนาจารย์ เมื่ออุปสมบทแล้วได้จำ พรรษา ณ วัดมะปรางเหลือง ศึกษา - พัฒนา ได้ศึกษาธรรมวินัยที่วัดมะปรางเหลืองกับพระ กรรมวาจาจารย์ ทั้งคันถธุระและวิปัสสนาธุระปรากฏว่าท่านสามารถ หยั่งรู้ความเป็นไปของสัตว์ในคติภพต่างๆ เมื่อศึกษาจนเป็นที่พอใจ ในระดับหนึ่งแล้ว ท่านได้กลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านเกิดคือ วัดหัวหวาย และเมื่อวัดว่างเจ้าอาวาส ท่านก็ได้รับเป็นเจ้าอาวาสวัด หัวหวาย ในขณะที่พรรษาได้ประมาณ ๕ พรรษา ต่อมาที่บ้านหัวหวายมีความเดือดร้อนลำเค็ญเกี่ยวกับเรื่องน้ำและสภาวะบีบคั้นด้านอื่นๆ ท่านสงสารญาติโยมจึงได้จาริก แสวงหาทำเลที่ตั้งหมู่บ้านใหม่ โดยท่านได้ใช้วิชาที่ศึกษาเล่าเรียนมาเสี่ยงทายหาทำเลที่เหมาะสมประมาณ ๔-๕ ที่ จึงได้มาพบหนองน้ำที่มีนกเขาชุกชุมมากและมีนกเขาตัวหนึ่งสีนวลสวยงามเป็น จุดเด่นอยู่ด้วย ท่านจึงตกลงใจยึดทำที่เหมาะสมกลับไปนำญาติโยมจากบ้านหัวหวายอพยพมาอยู่ครั้งแรก ๓๐ ครอบครัว ต่อมาได้อพยพตามมาเป็นจำนวนมาก ท่าน ได้รื้อกุฏิและศาลาวัดหัวหวายมาสร้างที่ วัดหนองสีนวลด้วยโดยได้สร้าง วัดหนองสีนวล เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ.๒๔๔๔ ตรงกับรัชสมัยของพระปิยมหาราช ร.๕ ครั้งถึง พ.ศ.๒๔๕๓ ท่านได้พบ แสงศร และได้นำทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.๖ ด้วยตนเอง ซึ่งพระแสงศรดังกล่าว จัดเป็นของสำคัญอีกอย่างหนึ่งในรัชสมัยของพระองค์ด้วย ความเกี่ยวพันกับหลวงพ่อเดิมฯ หลวงพ่อรุ่งมีความเกี่ยวข้องเป็นญาติกับหลวงพ่อเดิม โดยโยมมารดาของท่านทั้งสองเป็น พี่น้องกันและท่านทั้งสองได้ช่วยกันปฏิบัติศาสนกิจมาโดยลำดับเช่น การก่อสร้างอุโบสถ วัดหนองสีนวล ก็ปรากฏว่าหลวงพ่อเดิมได้มีส่วนช่วยในการก่อสร้างจนสำเร็จ ลุล่วงอย่างรวดเร็ว หลวงพ่อรุ่งได้พัฒนาวัดหนองสีนวลมาโดยลำดับจนถึง วันพฤหัสบดีที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๘๙ ท่านได้มรณภาพละสังขาร สิริรวมอายุได้ ๗๗ปี พรรษา ๕๔ เป็นเจ้าอาวาสวัดหนองสีนวล ๔๔ ปี
มีดหมอหลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล
"มีดหมอหลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล" เป็นเครื่องรางของขลังที่หลวงพ่อรุ่งท่านได้บรรจงจัดสร้างเอาไว้ให้เป็นมรดกของแผ่นดินให้ลูกหลานได้เก็บรักษาไว้ป้องกันภัยอันตรายที่จะเข้ามาถึง หลวงพ่อรุ่งท่านเป็นลูกพี่ลูกน้องกับหลวงพ่อเดิม ท่านอายุแก่กว่าหลวงพ่อเดิม 11 ปี และท่านก็เป็นผู้ริเริ่มสร้างมีดหมอขึ้นมาก่อนเป็นลำดับแรก หลวงพ่อเดิมท่านรู้เข้าก็มาเที่ยวที่วัดหนองสีนวล และมาศึกษาวิชาการทำมีดหมอจากหลวงพ่อรุ่ง และนำกลับไปทำของท่านบ้างที่วัดและเริ่มโด่งดังกันมาเป็นลำดับ แต่มีดหมอของหลวงพ่อรุ่งท่านทำไว้น้อยและหายากกว่าของหลวงพ่อเดิม แต่ราคาไม่สูงนัก แต่พุทธคุณเหมือนกันทุกประการครับบางท่านก็ตีและเล่นหากันเป็นหลวงพ่อเดิมไปเลยเพื่อจะได้ราคาที่สูงกว่าครับ ท่านที่รักเครื่องรางไม่ควรพลาดครับ
สำหรับวิธีการใช้คือ
1. ป้องกันคุณไสยเวลาติดตัวอยู่ไม่ต้องกลัวใครกระทำย่ำยีแต่อย่างใด
2. ป้องกันตัวเองจากศัตรูหมู่ร้าย เป็นมหาอำนาจ เป็นเมตตา เป็นแคล้วคลาด เป็นมหาอุตม์
3. ขับภูตผีปีศาจที่เข้าคนธรรดา หรือมีผู้ปล่อยมาให้เข้าสิง
4. อาราธนาทำน้ำมนต์แก้คุณไสย หรือแก้เสนียดจังไรต่างๆ ตลอดจนฝันร้าย
5. แก้อาถรรพณ์ความคงกระพันต่างๆ แม้จะสักยันต์ใดหรือกินว่าน หรือมีของดีตามธรรมชาติ เมื่อโดนมีดหมอของหลวงพ่อจะคลายเหนียวทุกทีไป นักเลงสมัยก่อนกลัวมีดหมอของหลวงพ่อกันนัก เพราะถูกทีไรเป็นเปื่อยยุ่ยไม่คงทน
6. ด้ามงานั้นอาราธนาฝนกับฝาละมีหม้อดิน ด้วยน้ำล้างใบมีดจะแก้พิษสัตว์กัดต่อยได้ ทาบริเวณที่ถูกสัตว์กัดต่อย
7. ป้องกันอสรพิษ สัตว์มีพิษ ทั้งหลาย เมื่อมีมีดหมอของหลวงพ่อติดตัว ตลอดจนเขี้ยวงาต่างๆ
8. มีดหมอหลวงพ่อไม่ทำอันตรายกับผู้ที่มีมีดหมอเหมือนกัน เป็นการป้องกันการที่ลูกศิษย์อาจารย์เดียวกันทำร้ายกัน
9. บูชาไว้กับบ้านป้องกันอัคคีภัย และโจรภัย อาราธนาแล้วมีอันตรายจะรู้ตัวก่อนทุกทีไป
10. เมื่อไปต่างถิ่นหรือต่างบ้าน หรือนอนกลางดินกลางทรายในป่า ให้เอาปลายมีดของหลวงพ่อกล่าวขอขมาแม่พระธรณี แล้วขีดวางลงไปเป็นรูปเหลี่ยมหรือรูปวงกลมรอบๆตัวของผู้ที่พักนอน มดและสัตว์จะไม่มาใกล้ รวมทั้งกันภูตผีปีศาจด้วย
11. เมื่อจะไปทางน้ำกลัวอันตรายจากสัตว์เช่น จระเข้ หรือสัตว์ร้ายอื่นๆ เช่นผีพราย ปลาไหลไฟฟ้า ให้ชักมีดออกจากฝักคาบไว้ในปากเวลาข้ามน้ำ หรือคาบทั้งฝักก็ได้ หรือเอามีดโบกน้ำนำหน้าไปจะปลอดภัย
12. เมื่อฝีร้ายอาการกลัดหนอง ปวดร้าว ทรมาน หรือเพิ่งเริ่มเป็นให้ใช้มีดหมอของหลวงพ่อ เอาทางปลายแหลมวนเบาๆ เป็นวงกลมรอบๆหัวฝีระลึกถึงหลวงพ่อแล้วเป่าลมกำกับด้วย ถ้าเพิ่งเริ่มเป็นจะยุบหาย ถ้าเป็นมากกลัดหนอง ให้วนด้วยปลายมีดแล้วยกมีดหมอเหนือหัวฝีกลั้นใจทำการผ่าหัวฝีบนอากาศเหนือผิวหนัง กรีดอากาศไปมาสลับกันแล้วเป่าลมระลึกถึงหลวงพ่อ ฝีจะแตกภายใน 3 วันและไม่เป็นพิษแต่อย่างไร
13. เมื่อไปต่างถิ่นจะไปกินอาหารแต่ไม่แน่ใจว่าจะมีพิษหรือไม่ ให้เอาด้ามมีดหมอของหลวงพ่อจุ่มลงไปในอาหารเสียก่อน เป็นการป้องก้น ถ้างามีสีดำอย่ากิน ในกรณีที่กินเข้าไปแล้วมีอาการแสลง ให้นำมีดหมอของหลวงพ่อออกจาฝัก อาราธนาถึงหลวงพ่อแกว่งลงไปในขันน้ำ แก้วน้ำ หรือภาชนะอื่นใด ใส่น้ำดื่มกินเข้าไปจะแก้ยาเบื่อ ยาสั่งได้ ถ้าเป็นยาพิษจะลดกำลังลงพอหาหมอแก้ไขได้ทันที
14. เมื่อถูกคุณ(ลมเพลมพัด) เรียกว่าปล่อยมาตามอากาศ ทำให้มีอาการบวมตามตัว เป็นลูกๆ เดี๋ยวบวมที่โน่น เดี๋ยวบวมที่นี่ ให้เอามีดหมอหลวงพ่ออาราธนาทำน้ำมนต์ระลึกถึงบารมีของหลวงพ่อกินเข้าไป แล้วจึงเอามีดหมอออกจากฝัก ไล่ก้อนที่บวมนั้นตั้งแต่บริเวณต้นที่บวมถ้าเป็นคุณที่ถูกปล่อยมาก้อนบวมนันจะเคลื่อนหนีปลายมีดหลวงพ่อเดิม ให้ไล่ปลายมีดไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปสุดที่ปลายมือ หรือปลายเท้า จะออกไป แต่ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แสดงว่าไม่ใช่คุณที่เขาปล่อยมาแน่ แต่เป็นบวมธรรมดา ไม่ช้าก็หาย (ในกรณีนี้ต้องเป็นมีดหมอของหลวงพ่ออย่างแท้จริง ถ้าไม่แท้ก็จบแห่กัน เพราะไม่มีอานุภาพ ก่อนใช้มีดหมอของหลวงพ่อควรใช้คาถาอาวุธ 5 ประการทุกครั้งกำกับด้วย)
"สักกัสสะวชิราวุทธัง เวสสุวันนะสะคะธาวุทธัง อาฬาวะกะสะธุสาวุทธัง ยะมะสะนัยนาวุทธัง ณารายยะสะจักกะราวุทธัง ปัญจอาวุทธานัง เอเตสังอานุภาเวนะ ปัญจะอาวุธธานังภัคคะภัคขา วิจุณนัง วิจุณาโลมังมาเมนะ พุทธะสันติ คัจฉะอะมุมหิ โอกาเสติฐาหิ ซึ่งพระคาถานี้รวมอาวุธห้าประการที่ถือว่ามีอิทธิฤทธิ์คือ
วชิราวุธ..อาวุธประจำกายพระอินทร์ที่ปราบมารร้ายและอสูร
ไม้เท้า...(กระบอง)ที่ยันกายขององค์ท้าวเวสสุวรรณ อันเป็นเจ้าแห่งภูตผีทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นผีอะไรต้องเกรงกลัวท่านท้าวเวสสุวรรณทั้งนั้น
ผ้าแดง...ของอาฬาวะกะยักษ์ ที่พ่ายแพ้แก่บารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผ้าแดงนี้เป็นอาวุธที่ร้ายแรงตามที่โบราณกล่าวว่าถ้าผ้าผืนนี้ตกลงบนพื้นพิภพแห่งใดจะไหม้เป็นจุณและปลูกอะไรไม่ขึ้นจนตลอดกาล
นัยเนตร...ของท่านพญายมราช ที่เพ่งแล้วภูตผีทั้งหลายจะมอดไหม้ไปเป็นจุลมหาจุล
กงจักร...ของพระนารายณ์ ตามลัทธิพราหมณ์ถือว่ากงจักรของพระนารายณ์นี้ปราบได้ทั้งสวรรค์ อสูร และใต้บาดาล มีอิทธิฤทธิ์มากมายเหลือคณานับ…เมื่อหลวงพ่อได้อัญเชิญความศักดิ์สิทธิ์ของอาวุธทั้ง 5 ประการ ด้วยอำนาจอาคม และไสยวิธีมาสถิตย์ในมีดหมอของหลวงพ่อก็ย่อมวางใจได้ว่า ต้องทรงอำนาจในทางปราบมารร้าย ภูตผีปีศาจอำนาจฝ่ายต่ำ การกระทำย่ำยี และป้องกันอันตรายจากมนุษย์และสัตว์โลกได้อีกด้วย
ในเรื่องขุนช้างขุนแผน วรรณคดีไทยสมัยโบราณ ได้กล่าวเป็นบทกลอนการทำมีดหมอเอาไว้ดังนี้ครับ
คราวนั้นขุนแผนแสนสนิท เรื่องฤทธิ์รังสีไม่มีสอง
ได้ลูกชายเชี่ยวชาญกุมารทอง ก็สมปองคิดไว้แต่ไรมา
จะจัดแจงตีดาบไว้ปราบศึก ตรองตรึกหาเหล็กไว้หนักหนา
ได้เสร็จสมอารมณ์ตามตำรา ท่านวางไว้ในมหาศาสตราคม
เอาเหล็กยอดพระเจดีย์มหาธาตุ ยอดปราสาททวารามาประสม
เหล็กขนันผีพรายตายทั้งกลม เหล็กตรึงโลงตรึงปั้นลมสลักเพชร
หอกสัมฤทธิ์กริชทองแดงพระแสงหัก เหล็กปลักสลักประตูตะปูเห็ด
พร้อมทั้งเหล็กเบญจพรรณกัลเม็ด เหล็กบ้านพร้อมเสร็จทุกสิ่งแท้
เอาเหล็กไหลเหล็กหล่อบ่อพระแสง เหล็กกำแพงน้ำพี้ทั้งเหล็กแร่
ทองคำสัมฤทธิ์นาก เงินที่แท้ชาตเหล็กทองแดงดง
เอามาสุมคุมควบเข้าเป็นแท่ง เผาให้แดงตีแผ่แช่ยาผง
ไว้สามวันซัดเหล็กนั้นเล็กลง
ยังคงแต่พงามตามตำรา ซัดเหล็กครบเสร็จถึงเจ็ดครั้ง
พอกระทั่งฤกษ์เข้าเสาร์สิบห้า ก็ตัดไม้ปลูกศาลขึ้นเพียงตา
แล้วจัดหาสาระพัดเครื่องถึงเจ็ดครั้ง เทียนทองติดตั้งเข้าทั้งคู่
หัวหมูเป็ดไก่ทั้งบายศรี เอาสุกทิ้งตั้งไว้ในพิธี
เอาถ่านที่ต้องย่างวางในนั้น ช่างเหล็กดีฝีมือดีทั้งกรุง
ผ้าขาวนุ่งผ้าขาวห่มดูคมสัน วางสายสิญจน์เสกลงเลขยันต์
คนสำคัญคอยดูซึ่งฤกษ์ดี ครั้นได้พิไชยฤกษ์ราชฤทธิ์
ขุนแผนสูบเหล็กให้แดงดี นายช่างตีรีดรูปให้เรียวปลาย
ที่ตรงกลางกว้างงานสามนิ้วกึ่ง ยาวถึงศอกกำมาหน้าลูกไก่
เผาชุบสามแดงแทงตะไบ บัดเดี๋ยวใจเกลี้ยงพลันเป็นมันยับ
อานดีมิได้มีขนแมวพลาด เลื่อมปราดเนื้อเขียวดูคมหนับ
เลื่อนพรายคล้ายแสงแมลงทับ ปลั่งปลาบวาบวับจับแสงตะวัน
ด้ามนั้นทำด้วยไม้ชัยพฤกษ์ จารึกยันต์พุทธจักรที่เหล็กกั้น
เอาผมพรายร้ายดุประจุพลัน แล้วเอาชันกรอกด้ามเสียบัดดล
ครั้นเสร็จสรรพจับแกว่งแสงวะวับ เกิดโกลาฟ้าพยับโพยมหน
เสียงอื้ออึงเกริกได้ฤกษ์ฟ้าคำรณฝนพยับอยู่ครั่นครื้น
ฟ้าผ่าเปรี้ยงๆเสียงโด่งดัง ขุนแผนฟังจิตฟูให้ชูชื่น
ได้นิมิตฟ้าฟื้นอันเกรียงไกร ยกขึ้นวางกลางศาลอ่านพระเวท
โดยเดชดาบยิ้มกระเดื่องไหว เห็นประจักรศักดิ์สิทธิ์ฤทธิไกร
ดีใจได้สมอารมณ์ปอง เอาไม้ระงับสรรพยามาทำฝัก
ประสบผงลงรักให้ผิวผ่อง กาบหุ้มต้นปลายจำลอง
ทำด้วยทองถ้วนบาทบางสะพาน
หลวงพ่อเดิมเกิด พ.ศ. 2403 แต่ หลวงพ่อรุ่ง เกิด พ.ศ. 2412 แล้วยังงี้ หลวงพ่อเดิม จะเป็นน้อง หลวงพ่อรุ่ง ได้ยังไงครับ ความจริงคือ หลวงพ่อเดิม อายุแก่กว่า เป็นพี่ หลวงพ่อรุ่ง 11 ปี แต่ ท่านเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน โดย โยมแม่ของ หลวงพ่อรุ่ง เป็นพี่สาวของโยมแม่ของ หลวงพ่อเดิม ดังนั้น หลวงพ่อรุ่ง จึงเป็นลูกผู้พี่ ส่วน หลวงพ่อเดิม ท่านเป็นลูกผู้น้อง ไม่ใช่ หลวงพ่อร่ง เป็นพี่ หลวงพ่อเดิม 11 ปี อย่างที่ว่า..
ตอบลบท่านข้างบนนี้รู้จริง
ตอบลบท่านข้างบนนี้รู้จริง
ตอบลบผมคิดว่าถ้าเข้าใจผิดเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาก็น่าจะแก้ไขให้ถูกต้องครับอย่าปล่อยเลยตามเลย ลูกหลานต่อๆมาจะได้ ไม่รู้ในสิ่งผิดพลาด
ตอบลบแก้ไข้ให้แล้วนะครับ ต้องขอภัยด้วยถ้าผิดพลาดทางข้อมูลไปบ้าง
ตอบลบ